หลายคนสงสัยกันมากในกลุ่มผู้ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีพลังงานไฟฟ้า จากแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค กล้องดิจิตอล และอื่นๆ ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมเครื่องมีความทนทาน ไม่พังง่าย เพราะเมื่อเสียหรือสภาพไม่ดีแล้วจะซื้อใหม่นั้น ราคาก็สูงมากจริงๆ บางที่ก็บอกว่า ให้ถอดแบตเตอรี่ออกแล้วใช้การเสียบสายอะแดปเตอร์แทน ซึ่งวิธีการนี้อายุของแบตจะลดลงเร็วกว่าเดิมอีก เนื่องจากไม่มีการกระตุ้นตัวเซลของแบตเตอรี่ด้วยการใช้งานเลยแม้แต่นิดเดียว บางที่ก็บอกว่า การเสียบอะแดปเตอร์ไว้ตลอดเวลาและชาร์ทตัวแบตเตอรี่ให้เต็มตลอดเวลานั้นจะดี วิธีนี้ก็ไม่เหมาะอีกเพราะตัวแบตเตอรี่จะไม่ได้คลายประจุออกมาเลยสักนิด เดียว
หากเป็นเช่นนั้น ต้องทำอย่างไร ?
นี่คือคำตอบ ที่หลายคนรอคอย การใช้งานแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น จำเป็นต้องทำตลอดทุกเดือน เพื่อยืดอายุให้นานวันและมีพลังงานเพียงพอในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ (โดยเฉพาะแบตเตอรี่ยุคใหม่ที่เป็น Lithion) ควรจะทำการ calibrate โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เสียบสายอะแดปเตอร์ให้ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนเป็นอันดับแรก จนไฟแสดงการชาร์ทแสดงการชาร์ทว่าแบตเตอรี่นั้น เต็ม 100% เรียบร้อยแล้ว
2. เสียบสายทิ้งไว้ต่อเนื่องโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการชาร์ทนี้ ยังคงสามารถใช้งานโน๊ตบุ๊คได้ตามปกติ
3. ถอดสายอะแดปเตอร์ออก แล้วใช้งานไปตามปกติให้แบตเตอรี่เหลือประจุไฟ (โดยมองที่รูปแบตเตอรี่ทางด้านขวาล่าง) ประมาณ 10% (เซฟงานไว้ด้วย)
4. ทำการปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง ถ้าจำเป็นต้องทำงาน ระหว่างนี้ ให้ถอดแบตเตอรี่ออกและเสียบสายเพาเวอร์อแด็ปเตอร์แทน
5. ครบ 5 ชั่วโมงแล้วให้เสียบสายเพาเวอร์อะแดปเตอร์อีกครั้ง ทำการชาร์จให้เต็ม 100% เท่านี้ แบตเตอรี่ของทุกท่าน จะกลับมามีประสิทธิภาพเหมือนใหม่อีกครั้ง
ปล. ผลที่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับอายุของแบตเตอรี่ที่ใช้งานด้วย